เบอร์โทรติดต่อ 094 159 5146

Serviced Office คืออะไร? ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Serviced Office

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก SME สตาร์ทอัพ หรือแม้แต่องค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการขยายสาขา การเช่า Service Office ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้มากกว่าในปัจจุบัน เพราะการจะมีออฟฟิศทำเลดีๆ ใจกลางย่านธุรกิจนั้น ต้องใช้งบประมาณไม่น้อย แถมยังมีเรื่องจุกจิกมากมายที่ต้องบริหารจัดการ ในทางกลับกันการเช่า Serviced Office จะช่วยลดภาระเหล่านี้ได้มาก ทำให้เราสามารถเริ่มธุรกิจได้ไวและมีเวลาโฟกัสกับการทำธุรกิจได้อย่างเต็มที่ แต่ก่อนที่จะเซ็นสัญญา เราจะขอพาไปทำความรู้จักกับ Serviced Office ให้มากขึ้น พร้อมแบ่งปันข้อควรรู้ต่างๆ ที่จะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง

Serviced Office คืออะไร?

Serviced Office คือ บริการออฟฟิศสำเร็จรูปที่ผู้เช่าสามารถเข้าไปใช้งานได้ทันที เนื่องจากมีการตกแต่ง รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ไฟ สายโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ในสำนักงานต่างๆ และยังสามารถใช้ที่อยู่ในการจดทะเบียนบริษัทได้ด้วย

ลักษณะของ Serviced Office เป็นอย่างไร?

Serviced Office ในปัจจุบันนี้มีให้เลือกมากมายหลายแห่ง รวมถึงในตึกสำนักงานขนาดใหญ่ในย่านธุรกิจสำคัญ โดยถูกออกแบบตกแต่งแบ่งพื้นที่ออกเป็นออฟฟิศสำเร็จรูปโมเดิร์นที่มีขนาดเล็กลงมา เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของบริษัทต่างๆ ที่มีความต้องการเช่าสถานที่ทำงาน จึงมีหลายบริษัทอยู่รวมกัน ภายในจะมีการจัดสรรพื้นที่เป็นสัดส่วน เช่น ห้องทำงานขนาดเล็กและขนาดใหญ่, ห้องประชุม, มุมพักผ่อน, รีเซฟชั่น, ห้องครัว และบางที่ก็มีบริการ Co-Working Space ด้วย

  • ห้องทำงานพร้อมเข้าใช้

ห้องทำงานที่มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งมาแล้วเสร็จ อีกทั้งยังติดตั้งอินเตอร์เน็ตและสายโทรศัพท์มาอย่างเรียบร้อยแล้ว พร้อมเข้าใช้งานได้ทันที

  • บริการพื้นฐานที่ครบครัน

นอกจากพื้นที่สำนักงานพร้อมใช้ Serviced Office แล้ว บางแห่งยังมีบริการห้องประชุม อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังคอยช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น พนักงานธุรการที่คอยต้อนรับ จัดเตรียมการประชุม, พนักงานรับโทรศัพท์ ช่วยคัดกรองสายเรียกเข้า รับข้อความสำคัญ และโอนสาย, แม่บ้านทำความสะอาด รวมถึงบริการเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ที่ช่วยให้ผ่อนคลายระหว่างวันอีกด้วย

  • เทคโนโลยีทันสมัยที่ใช้ใน Serviced Office

Serviced Office มักจะมาพร้อมกับอุปกรณ์และเทคโนโลยีทันสมัยที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงาน เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องทำลายเอกสาร สแกนเนอร์ ระบบความปลอดภัยอย่างการสแกนใบหน้าเพื่อเข้า – ออกพื้นที่ และกล้องวงจรปิด CCTV หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในห้องประชุม เช่น จอพรีเซนต์งาน โปรเจกเตอร์ กระดานไวท์บอร์ดแบบอินเทอร์แอคทีฟที่สามารถสั่งการได้ด้วยการสัมผัส

สำนักงานสำเร็จรูปมีกี่ประเภท อะไรบ้าง?

ผู้ให้บริการแต่ละรายจะมีการออกแบบพื้นที่และบริการที่แตกต่างกันไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้เช่า โดยสามารถแบ่งรูปแบบหลักๆ ได้ 2 แบบ ดังนี้

  1. ออฟฟิศสำเร็จรูปแบบมีห้องส่วนตัว

ออฟฟิศสำเร็จรูปแบบมีห้องส่วนตัว เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีความเป็นส่วนตัวสูงและยังใช้งานพื้นที่ส่วนกลางร่วมกับบริษัทอื่นๆ ได้ด้วย เราจะได้พื้นที่สำนักงานที่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรบกวนจากผู้ใช้งานคนอื่น อีกทั้งขนาดห้องยังมีให้เลือกหลากหลาย เช่น ออฟฟิศสำเร็จรูปขนาดเล็กสำหรับ 1 – 3 คน หรือขนาดกลาง 4 – 6 คน จึงตอบโจทย์ทั้งธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการออฟฟิศพอดีตัว และบริษัทขนาดใหญ่ที่เน้นการทำงานแบบ Work from home, Remote Work หรือมองหาพื้นที่ทำงานเพิ่มเติมชั่วคราว

  1. ออฟฟิศสำเร็จรูปแบบใช้พื้นที่ทำงานร่วมกัน

ออฟฟิศสำเร็จรูปแบบใช้พื้นที่ทำงานร่วมกัน หรือที่เรารู้จักกันในนามของ Co-Working Space นั่นเอง เป็นการเปิดพื้นที่ให้หลายๆ บริษัทเข้ามาใช้พื้นที่ทำงานร่วมกัน โดยไม่มีการแบ่งกั้นห้องส่วนตัว ซึ่ง Co-Working Space บางแห่ง ไม่จำเป็นต้องมาทำงานก็ได้ อาจจะมานั่งเล่นบอร์ดเกม อ่านหนังสือ เรียนพิเศษ ฯลฯ และบางแห่งจะเน้นไปที่การทำงานหรือใช้งานเพื่อธุรกิจเป็นหลัก ทำให้บรรยากาศมีความเป็นมืออาชีพมากกว่า โดย Co-Working Space สามารถแบ่งได้ 2 แบบคือ แบบมีที่นั่งประจำ และแบบ Hot Desk หรือไม่มีที่นั่งประจำ

ข้อดีของการใช้ Serviced Office

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมบริษัทต่างๆ ถึงเริ่มหันมาใช้ Serviced Office กันมากขึ้น สาเหตุไม่ใช่เพียงเพราะรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ยังมีข้อดีอื่นๆ อีกมากมาย ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจ เช่น

  • ประหยัดต้นทุน ไม่จำเป็นต้องลงทุนค่าตกแต่งสำนักงานใดๆ
  • สัญญาระยะสั้นและยืดหยุ่น เหมาะแก่ความต้องการของธุรกิจเปิดใหม่ และบริษัทที่กำลังเจริญเติบโต 
  • ขนาดที่พอเหมาะ ตรงกับความต้องการของหลายธุรกิจยุคใหม่ที่ไม่ได้ต้องการใช้พื้นที่มาก ประหยัดค่าใช้จ่าย
  • บรรยากาศการทำงานอย่างมืออาชีพ มาพร้อมอุปกรณ์ และบริการที่ครบครัน ช่วยให้งานสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น
  • ทำเลที่ตั้งที่สะดวกสบาย มีให้เลือกหลากหลายที่ตั้ง รวมทั้งใจกลางเมือง พร้อมทั้งสถานีรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน สะดวกกับทุกการเดินทางและไลฟ์สไตล์
  • พร้อมใช้งานได้ทันที เป็นสำนักงานแบบสำเร็จรูป หิ้วกระเป๋าคอมพิวเตอร์และเข้าเริ่มลุยงานของคุณได้ทันที ไม่เสียเวลา
  • ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้ธุรกิจ การมีออฟฟิศตั้งอยู่ในตึกสำนักงานช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดูน่าเชื่อถือ มั่นคง มีความน่าเชื่อถือ ให้กับองค์กรและเสริมความมั่นใจให้กับลูกค้า

สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้บริการ Serviced Office

หากเรากำลังมองหาออฟฟิศให้เช่าในรูปแบบ Serviced Office หรือสำนักงานสำเร็จรูปที่พร้อมใช้งานทันที เราอาจเคยทดลองวิธีการทำงานหลากหลายมาแล้ว ทั้งการทำงานที่บ้าน (Work from Home), ทำงานในร้านกาแฟ, ใช้บริการ Co-working Space หรือใช้บริการรูปแบบใหม่อย่าง Hot Desk แม้แต่ละตัวเลือกจะมีข้อดีในตัวเอง แต่เราอาจยังรู้สึกว่าพื้นที่ทำงานเหล่านั้นพลุกพล่านเกินไป และเริ่มมองหาห้องทำงานส่วนตัวที่เหมาะกับการทำงานอย่างจริงจังมากขึ้น

ห้องทำงานแบบส่วนตัวอย่าง Serviced Office ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เรามีสมาธิ แต่ยังให้ความเป็นส่วนตัวสำหรับการประชุมหรือพูดคุยเรื่องสำคัญ ทั้งยังสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการโฟกัสงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้การทำงานของเราประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจเซ็นสัญญาเช่า Serviced Office ที่ใดก็ตาม อย่าลืมพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลสำคัญเหล่านี้ให้ถี่ถ้วน

  1. เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ไปกับ Location

เมื่อพูดถึงโลเคชั่น ใคร ๆ ก็เข้าใจว่าโลเคชั่นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคำว่า “โลเคชั่น” มักถูกพูดถึงเสมอเวลาพูดถึงการเลือกสถานที่ แต่ก็มีหลายคนที่พยายามประหยัด โดยคิดว่า “โลเคชั่นไหน ๆ ก็น่าจะเหมือนกัน” ขอแค่มีห้องสี่เหลี่ยมเงียบ ๆ ให้เข้าไปทำงานก็เพียงพอแล้ว แต่คำกล่าวที่ว่า “คุณจะได้ในสิ่งที่คุณจ่าย” มักมาคู่กับอีกคำเตือนหนึ่งว่า “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” ซึ่งสะท้อนความจริงที่หลายคนประสบมาแล้ว

ลองนึกดูว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกสิ่งที่ดูเหมือนจะประหยัดในตอนแรก เพราะคิดว่า “น่าจะตอบโจทย์ได้เหมือนกัน” แต่สุดท้ายกลับพบว่า สิ่งที่เขาเลือกนั้นขาดอะไรบางอย่างที่สำคัญ แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อบวกค่าใช้จ่ายที่ต้องตามแก้ไขและเพิ่มเข้าไปแล้ว มูลค่ากลับสูงกว่าการเลือกสิ่งที่เหมาะสมตั้งแต่แรก หรือในบางกรณี แม้เขาจะอดทนใช้งานของราคาถูกที่ไม่ตอบโจทย์ แต่วันหนึ่งก็ถึงจุดที่ทนไม่ได้อีกต่อไป ต้องตัดใจทิ้งของเก่าและซื้อใหม่ทั้งหมด สุดท้ายกลายเป็นเสียเงินสองเท่าเพราะความพยายาม “ประหยัด”

ประสบการณ์เหล่านี้น่าจะทำให้หลายคนเข้าใจว่า โลเคชั่นของออฟฟิศ หรือสถานที่สำคัญอื่น ๆ ไม่ใช่สิ่งที่ควรละเลย ออฟฟิศของเราควรตั้งอยู่ในจุดที่เอื้อต่อทั้งทีมงานและผู้มาติดต่อ สามารถเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า BTS หรือ MRT เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้ธุรกิจ นอกจากนี้ การที่โลเคชั่นอยู่ใกล้กับร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคาร หรือสถานที่ต่างๆ เช่น คาเฟ่ หรือพื้นที่สำหรับการพบปะพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ก็ช่วยให้เราและทีมงานมีสมดุลทั้งในชีวิตและการทำงาน

ไม่เพียงเท่านั้น การมีออฟฟิศตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกและเป็นที่รู้จักยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แม้ว่าสินค้าหรือบริการของเราจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ถ้าลูกค้าไม่เชื่อมั่นในภาพลักษณ์หรือสถานที่ตั้งของเรา โอกาสในการแสดงศักยภาพก็อาจหดหาย ดังนั้น การเลือกโลเคชั่นที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องของการประหยัดเงิน แต่เป็นการลงทุนที่ช่วยสนับสนุนทั้งการทำงานและความสำเร็จในระยะยาว อย่าลืมว่า โลเคชั่นที่ดีคือกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจของเรา

  1. ตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกและการจัดการใน Serviced Office

เมื่อพิจารณาเช่า Serviced Office สิ่งแรกที่ควรทำคือดูว่าผู้ให้บริการ Serviced Office ที่เราสนใจนั้นมีบริการห้องประชุมหรือสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนและมีการดูแลจัดการที่ดีเพียงพอหรือไม่ ตัวอย่างเช่น:

  • ห้องประชุม: มีจำนวนเพียงพอกับความต้องการของผู้เช่าทั้งหมดหรือไม่? ใช้ได้ฟรีกี่ชั่วโมง หลังจากนั้นแล้วมีการคิดเงินเพิ่มเป็นรายชั่วโมงหรือไม่ เท่าไร?
  • อุปกรณ์สำหรับประชุม: มีจอ LCD, โปรเจคเตอร์, กระดานไวท์บอร์ดครบครันหรือไม่?
  • เครื่องใช้สำนักงาน: มีเครื่องถ่ายเอกสารทั้งสีและขาวดำหรือไม่? ระบบอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างไร มีประชุมสายโทรศัพท์และบริการโอเปอร์เรเตอร์ช่วยโอนรับสายหรือไม่?
  • พื้นที่ส่วนกลาง: มีครัวหรือมุมพักผ่อน พร้อมเครื่องดื่มและของว่างระหว่างวันหรือไม่?
  • บริการต้อนรับ: มีพนักงานรีเซ็พชั่นสำหรับต้อนรับแขกและพื้นที่สำหรับผู้มาติดต่อให้นั่งรอหรือไม่?
  • มุมผ่อนคลาย: มีพื้นที่พักผ่อนสำหรับพักเบรกหรือไม่?
  • พื้นที่สำหรับสูบบุหรี่: มีการจัดสรรพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่หรือไม่?

เมื่อเราตรวจสอบว่ามีทุกอย่างที่จำเป็นครบถ้วนแล้ว สิ่งถัดมาที่ควรพิจารณาคือ “ความเหมาะสมของสิ่งอำนวยความสะดวกกับความต้องการของเรา” เพราะบางครั้งบางที่อาจมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากเกินความจำเป็น เช่น:

  • ห้องประชุมขนาดใหญ่เกินไป รองรับได้ถึง 25 คน ซึ่งเราอาจไม่จำเป็นต้องใช้
  • โถง Lounge สวยงามโอ่อ่าระดับโรงแรม 5 ดาว
  • อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เป็นระบบแบบส่วนตัว ไม่ได้ใช้ร่วมกับส่วนอื่น ๆ เพื่อความสะดวกและประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีที่สุดในพื้นที่นั้น ๆ

ซึ่งถึงแม้ว่าจะดูน่าสนใจ แต่ก็มาพร้อมต้นทุนที่สูงขึ้น ผู้ให้บริการ Serviced Office อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายแอบแฝงในราคาค่าเช่า ซึ่งทำให้เราต้องจ่ายเกินความจำเป็นโดยไม่รู้ตัว หลายคนพบว่าการเช่า Serviced Office ทำให้งบประมาณบานปลายโดยไม่ทันระวัง เพราะค่าใช้จ่ายมักแฝงมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่ได้ใช้งานจริง ส่งผลให้เราเสียเงินไปกับบริการที่ไม่จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่เราได้เซ็นต์สัญญาและวางมัดจำไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น การรู้เท่าทันรายละเอียดเหล่านี้คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเลือก Serviced Office ได้อย่างคุ้มค่าและเหมาะสมที่สุดกับความต้องการของเรามากที่สุด

  1. พิจารณาค่าใช้จ่ายแฝงใน Serviced Office อย่างรอบคอบ

เมื่อเราแน่ใจแล้วว่าผู้ให้บริการ Serviced Office ที่เราสนใจมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนเพียงพอและไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกินความจำเป็นจนส่งผลให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมสูงจนเกินไป ขั้นตอนถัดไปที่สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบค่าใช้จ่ายแฝงและค่าบริการเสริมที่อาจไม่ปรากฏชัดในตอนแรก

ตัวอย่างค่าใช้จ่ายแฝงที่ควรตรวจสอบ:

  • ค่าอินเทอร์เน็ต: มีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามจำนวนผู้ใช้งานหรือไม่?
  • ค่าสายโทรศัพท์สำนักงาน: มีการคิดแยกเป็นรายสายหรือรายนาทีเพิ่มเติมหรือเปล่า?
  • ค่าพนักงานรับโทรศัพท์: หากมีคนโทรเข้ามาหาเรา มีค่าบริการเพิ่มเติมรายครั้งหรือรายเดือนหรือไม่?
  • ค่าเครื่องดื่มและของว่าง: มีการคิดเพิ่มตามจำนวนคนหรือจำนวนครั้งที่ใช้หรือไม่?
  • ค่า Setup สำนักงาน: การจัดเตรียมพื้นที่สำนักงาน มีค่าใช้จ่ายแยกต่างหากหรือไม่?
  • ค่าใช้ห้องประชุม: มีการคิดอัตรารายชั่วโมงเพิ่มเติมหรือไม่?
  • ค่าทำความสะอาด: บริการแม่บ้านรวมอยู่ในค่าเช่าหรือคิดแยกต่างหาก?
  • ค่าใช้เครื่องถ่ายเอกสาร: มีการคิดอัตราที่สูงเกินไปหรือไม่?
  • ค่าโทรศัพท์: อัตราค่าบริการโทรศัพท์มีการบวกเพิ่มจากอัตราปกติเท่าใด?

เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้รวมอยู่ในแพ็กเกจที่เสนอหรือจะต้องจ่ายเพิ่มเมื่อใช้งานจริง หากมีการคิดเพิ่ม เราควรสอบถามและคำนวณว่าเมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว จะตกที่ราคาประมาณเท่าไร ที่สำคัญคืออย่ามองข้ามรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ เพราะมักเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายบริษัทประสบปัญหางบประมาณบานปลายโดยไม่รู้ตัว หลายองค์กรถึงขั้นต้องยกเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนด ยอมเสียค่ามัดจำ หรือในกรณีที่เลวร้ายกว่านั้น อาจต้องปิดตัวลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสำนักงานที่สูงเกินไป ซึ่งมีเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งมากกว่าที่คุณคิด โดยเฉพาะในธุรกิจเปิดใหม่ที่มีสภาพคล่องและต้นทุนที่จำกัด อย่ามองข้ามและทำให้ธุรกิจของเราอาจต้องหยุดชะงักและปิดตัวลงอย่างไม่จำเป็น

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ เราควรพิจารณาเลือกแพ็กเกจราคาแบบเหมารวม (All-Inclusive) ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จำเป็น แต่อย่าลืมตรวจสอบว่าแพ็กเกจดังกล่าวเป็นแบบรวมจริงๆ หรือเป็นเพียงคำโฆษณาที่ดึงดูดใจแต่แฝงค่าใช้จ่ายอื่นไว้เบื้องหลัง ดังนั้นก่อนตัดสินใจเช่า Serviced Office อย่าลืมขอรายการราคาทั้งหมดอย่างละเอียด รวมถึงเงื่อนไขการใช้บริการต่างๆ และกลับไปวางแผนและคำนวณค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนเพื่อป้องกันปัญหาในระยะยาว การตัดสินใจที่รอบคอบในครั้งนี้อาจช่วยให้ธุรกิจของเรามั่นคงและมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นใจ

  1. Check-list สุดท้าย: พนักงานและการให้บริการ 

เมื่อเราตัดสินใจเช่า Serviced Office เราควรพิจารณา “การบริการ” ที่ควรจะเป็นหัวใจหลักของการเลือกสถานที่ แต่กลับเป็นเรื่องที่ถูกละเลยในหลายๆ แห่ง บางที่อาจกลายเป็นเพียง Self-Service Office ที่เราต้องจัดการทุกอย่างเอง หรือมีบริการเสริมแต่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมในราคาที่สูงจนอาจไม่คุ้มและน่าตกใจ

สิ่งที่ควรพิจารณาในด้านการบริการ

  • พนักงานต้อนรับ

เราควรดูว่ามีพนักงานประจำอยู่ที่ศูนย์ตลอดเวลาหรือไม่? ไม่ใช่เพียงพนักงานขายที่เข้ามาต้อนรับเราเฉพาะวันเซ็นสัญญา เราอาจลองพูดคุยทักทายพนักงานต้อนรับดูว่าพวกเขามีความเป็นมิตร ยิ้มแย้ม และเต็มใจช่วยเหลือหรือไม่ เพราะพวกเขาจะเป็นคนที่เราต้องพบเจอและคอยบริการให้ความช่วยเหลือแก่เราทุกวัน

  • ความช่วยเหลือที่คาดหวังได้

พนักงานเหล่านี้ควรสามารถต้อนรับแขกหรือลูกค้าของเราได้ สามารถรับจองและจัดการห้องประชุม ดูแลธุระเล็กๆ น้อยๆ เช่น รับส่งเอกสาร เซ็นรับเอกสารจาก courier ให้เราได้ สามารถประสานงานกับเมสเซ็นเจอร์ตามคำสั่ง รับโทรศัพท์ โอนสาย และจดข้อความได้ พนักงานที่พร้อมให้บริการด้วยรอยยิ้มและความใส่ใจจะช่วยทำให้ทั้งเราและลูกค้าประทับใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความประทับใจ นำมาซึ่งความราบรื่นในการทำงาน และสามารถนำพาธุรกิจสู่ความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย

หากเราตรวจสอบครบทุกข้อใน Check-list นี้ และพบว่าศูนย์ Serviced Office ที่เลือกมีบริการครบถ้วน ก็มั่นใจได้เลยว่าเราได้พบกับสำนักงานที่คุ้มค่าและเหมาะสมที่สุด แต่หากยังคงลังเลอยู่ ลองมาพูดคุยและใช้บริการ Serviced Office ของ FOUND OFFICE หนึ่งในศูนย์บริการสำนักงานที่ตอบโจทย์ด้วยบริการแบบ All-Inclusive ครบครันในราคาที่ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงที่ช่วยให้เราสามารถควบคุมงบประมาณได้ง่าย ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายยิบย่อย เช่น ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าจองห้องประชุม หรือบริการพื้นฐานอื่นๆ อีกทั้งบริการสุดประทับใจ

จุดเด่นของ FOUND OFFICE

  • ความยืดหยุ่นของสัญญา: มีให้เลือกทั้งสัญญาระยะสั้นและยาว หรือแม้แต่รายวัน เหมาะกับทุกความต้องการ
  • ควบคุมงบประมาณได้ง่าย: เราคือผู้ริเริ่มการนำเสนอราคาแบบ All-inclusive รายแรกเพื่อช่วยเหลือคนทำธุรกิจ ราคาเบ็ดเสร็จของเราได้รวมทุกบริการที่จำเป็นแล้วอย่างแท้จริง
  • มุ่งเน้นความสำเร็จของลูกค้าเป็นสำคัญ: ให้เราช่วยจัดการกับรายละเอียดจุกจิกยิบย่อยประจำวัน เพื่อให้คุณได้โฟกัสกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ
  • บริการด้วยความจริงใจ: เพราะความสำเร็จในธุรกิจของคุณคือความสำเร็จในหน้าที่การงานของเรา

FOUND OFFICE ก่อตั้งมาเพื่อช่วยสนับสนุนให้นักธุรกิจประสบความสำเร็จ และเป็นเสมือนโรงเพาะชำทางธุรกิจให้เติบโตและแข็งแรงไปตามเป้าหมายที่คุณวางไว้ โดยผ่านบริการของเราที่ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา มีคุณภาพ มีความจริงใจ และคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นสำคัญ สามารถติดต่อเพื่อพูดคุยกับเราได้เลยวันนี้

บทความแนะนำ

Serviced Office คืออะไร? ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Serviced Office

เทียบ 5 พื้นที่ทำงานสำหรับการทำงานแบบ Hybrid แบบไหนที่เหมาะกับคุณ?

Virtual Office คืออะไร เหมาะกับการทํางานแบบไหน?