เบอร์โทรติดต่อ 094 159 5146

เทียบ 5 พื้นที่ทำงานสำหรับการทำงานแบบ Hybrid แบบไหนที่เหมาะกับคุณ?

ในยุคที่เทคโนโลยีทำให้เราทำงานจากที่ไหนก็ได้ การทำงานจากที่บ้านหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Work from Home จึงกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับหลายบริษัท หลายอาชีพ ฟังดูเหมือนชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลยใช่ไหมล่ะ? ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง แถมยังจัดสรรเวลาชีวิตได้ยืดหยุ่นขึ้นอีกด้วย 

แต่ความจริงคือ บ้านไม่ได้เหมาะสำหรับการทำงานเสมอไป เพราะสภาวะแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการทำงานอาจทำให้เราขาดสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้าน คนในบ้านที่เดินไปมาพร้อมเรียกให้ช่วยทำนั่นทำนี่ หรือเตียงนุ่มๆ ที่ดึงดูดให้ล้มตัวลงไปนอน ดังนั้นถ้าเริ่มรู้สึกว่าการทำงานที่บ้านไม่ตอบโจทย์อย่างที่คิด หรือต้องการมุมสงบๆ ที่จะช่วยให้เรามีสมาธิในการทำงานมากกว่าเดิม บทความนี้จะพาไปรู้จักกับตัวเลือกพื้นที่ทำงานที่ตอบโจทย์การทำงานแบบ Hybrid มากที่สุด พร้อมเปรียบเทียบข้อดีและจุดเด่นของพื้นที่ทำงานทั้ง 5 แบบ พร้อมแล้วมาดูกันเลย

ออฟฟิศสำเร็จรูป (Serviced Office)

ออฟฟิศสำเร็จรูป หรือ Serviced Office คือออฟฟิศให้เช่าที่ตกแต่งเรียบร้อยพร้อมใช้งาน สามารถจดทะเบียนบริษัทได้ โดยจะมีห้องทำงานส่วนตัวให้เลือกหลายขนาด ทั้งยังมีห้องประชุม พื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ไฟ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรืออุปกรณ์สำนักงานต่างๆ บริการ Serviced Office ของ Found Office ยังมีบริการ Co-working Space จากบริษัท Partner อย่าง Union Space ที่เราสามารถเข้าใช้บริการได้

จุดเด่นของ Serviced Office คืออะไร?

  • มีความครบครันแบบมืออาชีพภายในศูนย์ธุรกิจ ทั้งห้องทำงานตกแต่งพร้อม ห้องประชุม บริการเครื่องดื่มระหว่างวัน ช่วยให้สามารถเริ่มงานได้ทันทีอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ในบางแห่ง จะมีผู้ช่วยดูแลเรื่องต่างๆ ให้ เช่น บริการทำความสะอาด พนักงานต้อนรับลูกค้า รับโทรศัพท์ รับพัสดุ ฯลฯ 
  • สามารถขยับขยายเป็นห้องที่ใหญ่ขึ้นได้ หากพนักงานมีจำนวนมากขึ้น เพราะด้วยสัญญาเช่าพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่น มีห้องหลายขนาดให้เลือกใช้ จึงเหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่กำลังเจริญเติบโตและมีความไม่แน่นอน
  • ช่วยเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจให้ดูเป็นมืออาชีพ และน่าเชื่อถือ
  • มีความยืดหยุ่นของระยะสัญญาเช่า และหลากหลายขนาดให้เลือก เช่น สามารถเปลี่ยนเป็นห้องใหญ่ขึ้นได้เมื่อมีการขยับขยายทีมงาน เป็นต้น สอดคล้องความต้องการธุรกิจเปิดใหม่ และธุรกิจ SME เป็นอย่างยิ่ง
  • Service Office มักมีที่ตั้งอยู่ภายในอาคารสำนักงาน ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจให้ดูเป็นมืออาชีพ มีความเป็นหลักแหล่งและน่าเชื่อถือ  
  • มีที่ตั้งหลากหลายให้เลือก รวมทั้งบนที่ตั้งกลางใจเมืองที่สะดวกต่อการเดินทาง และไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์หลายๆ คน 
  • บางที่มีหลายสาขาให้เลือกใช้งานตามสะดวก 

ข้อเสียของ Serviced Office คืออะไร?

  • ในบางสถานที่ที่มีการให้บริการในรูปแบบของ Serviced Office แต่ในความเป็นจริง อาจไม่ได้มีบริการครบครันอย่างที่คาดหวัง แม้ราคาจะดูเหมือนครอบคลุมแล้วก็ตาม ดังนั้นควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจใช้บริการ
  • ค่าใช้จ่ายแอบแฝงเป็นปัญหาที่พบได้ในหลายสถานที่ แม้จะโฆษณาว่า “รวมทุกอย่างแล้ว” แต่เมื่อใช้งานจริงกลับพบค่าบริการเพิ่มเติมที่สะสมจนกลายเป็นภาระมหาศาล โดยบางครั้งค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจสูงเกือบเทียบเท่ากับค่าเช่าพื้นที่ ทำให้หลายบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีต้นทุนจำกัด ต้องประสบปัญหาทางการเงิน เช่น ค่าบริการรับสายและโอนสายที่อาจถูกเรียกเก็บครั้งละ 50 บาท ค่าบริการอินเทอร์เน็ตต่อหัวที่สูงถึง 3,500 บาท/คน ค่าน้ำชากาแฟต่อหัวประมาณ 400-500 บาท/คน/เดือน หรือค่าห้องประชุมที่คิดเป็นรายชั่วโมง เป็นต้น
  • เมื่อธุรกิจเติบโตจนถึงจุดที่เริ่มมีความมั่นคง และทีมงานขยายตัวจนมีขนาดใหญ่ขึ้น การเช่าพื้นที่สำนักงานและบริหารจัดการเองอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าในระยะยาว แม้ว่าจะต้องลงทุนในค่าตกแต่งภายในและจ้างบุคลากรเพื่อดูแลการดำเนินงานของสำนักงานก็ตาม

ค่าใช้จ่ายของ Serviced Office มีอะไรบ้าง? 

ค่าเช่าออฟฟิศสำเร็จรูปถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้วยการแบ่งปันบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสำหรับธุรกิจร่วมกับผู้ใช้งานรายอื่นๆ ภายในศูนย์ เช่น การแชร์พนักงานต้อนรับและเลขาส่วนกลางที่ช่วยดูแลการติดต่อประสานงาน แบ่งใช้ห้องประชุมมืออาชีพตามความต้องการ ใช้พื้นที่ครัวส่วนกลาง รวมถึงอุปกรณ์สำนักงานอย่างเครื่องถ่ายเอกสาร และการได้รับบริการทำความสะอาดจากแม่บ้านโดยไม่ต้องจ้างประจำ นอกจากนี้ ค่าเช่าออฟฟิศสำเร็จรูปยังสามารถเลือกได้ว่าจะเช่าเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี อย่างไรก็ตาม ควรสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ชัดเจน เพราะบางอย่างอาจไม่ถูกรวมไว้ในค่าเช่า 

สำหรับ FOUND OFFICE เราเป็นที่แรกที่คิดค้นค่าบริการออฟฟิศสำเร็จรูปให้เช่าแบบ All-Inclusive ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยนักธุรกิจโดยเฉพาะ จึงได้รวมรวมทุกอย่างที่จำเป็นไว้ในแพ็กเกจเดียว ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟ, อินเทอร์เน็ต, สายโทรศัพท์, บริการรับสาย, บริการเลขา, เคาน์เตอร์เครื่องดื่มพร้อมกาแฟสดฟรี และห้องประชุมไม่จำกัดชั่วโมง จ่ายครั้งเดียวจบ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงให้ปวดหัวแน่นอน ช่วยให้ลูกค้าสามารถคำนวณงบประมาณได้อย่างชัดเจน จุดเด่นนี้ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินที่ไม่คาดคิด และช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการอยู่รอดและเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจใหม่ที่มักมีทรัพยากรจำกัด

Co-working Space

Co-Working Space แปลว่า พื้นที่ทำงานร่วมกัน จึงมีลักษณะเป็นพื้นที่สาธารณะที่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาทำงาน ประชุม โดยภายในจะแบ่งเป็นโซนต่างๆ มีโต๊ะ เก้าอี้หลายแบบให้เลือกใช้งาน เช่น โซนโซฟาสำหรับนั่งคุย, โซนโต๊ะตัวใหญ่ที่เหมาะสำหรับจับกลุ่มทำงาน, โซนที่ใช้เสียงเบาสำหรับคนที่ต้องการสมาธิ, ห้องประชุม, พื้นที่เวิร์กช็อป เป็นต้น

จุดเด่นของ Co-working Space คืออะไร?

  • บรรยากาศคล้ายร้านกาแฟ แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนกำลังนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ เช่น โต๊ะทำงาน อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ปลั๊กไฟ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์เอกสาร ฯลฯ 
  • บางที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และมีราคาที่ย่อมเยาพอๆกับร้านกาแฟเลยทีเดียว

ข้อเสียของ Co-working Space คืออะไร?

  • ข้อเสียของ Co-working Space คือ ไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ทำงานร่วมกันแบบเปิดโล่ง มีเสียงรบกวนจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ และ “พลุกพล่าน” จึงส่งผลต่อระดับสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงานได้ 
  • เมื่อมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก การเข้าถึงอุปกรณ์ต่างๆ อาจเป็นไปอย่างจำกัด 
  • ไม่เหมาะสำหรับการนัดพบลูกค้า เพราะดูไม่เป็นทางการเท่าที่ควร ส่งผลให้ธุรกิจขาดความน่าเชื่อถือได้

ค่าใช้จ่ายของ Co-working Space มีอะไรบ้าง? 

ค่าใช้จ่ายในการมานั่งทำงานที่ Co-Working Space ราคาต่ำกว่าการเช่าออฟฟิศ เพราะส่วนใหญ่ทำเลมักอยู่ใกล้รถไฟฟ้า ทำให้เดินทางสะดวก และยังคิดค่าบริการตามเวลาที่ใช้งาน เช่น รายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ เฉลี่ยเริ่มต้นประมาณ 50 บาท / ชั่วโมง ถ้าเหมาจ่ายแบบรายวันจะอยู่ที่ประมาณ 300 ว่าบาทต่อวัน หรือ 3000-7000 บาทต่อเดือน แล้วแต่ว่าเลือกแบบมีที่นั่งประจำหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่จะรวมค่าใช้จ่ายในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไว้แล้ว

Home Office

Home Office คือสำนักงานกึ่งที่อยู่อาศัย หรือแปลตรงตัวเลยก็คือ เป็นทั้งบ้านและออฟฟิศในที่เดียว ส่วนใหญ่นิยมใช้ตึกแถวหรือทาวน์โฮม เพราะมีหลายชั้น สามารถแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนได้อย่างชัดเจน เช่น ชั้น 1 และชั้น 2 ใช้เป็นพื้นที่ทำงาน ส่วนชั้น 3 เป็นที่นอน โดยบรรยากาศจะมีความเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน เหมาะสำหรับบริษัทที่มีพนักงานจำนวนไม่มาก

จุดเด่นของ Home Office คืออะไร?

  • ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง 
  • ออกแบบพื้นที่ให้เหมาะกับธุรกิจได้
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย เหมือนเช่าบ้านแถมออฟฟิศ เช่าออฟฟิศแถมบ้าน 
  • มีความเป็นส่วนตัวสูง ใช้งานได้ยืดหยุ่นตามต้องการ 
  • ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา จะเข้าออกตอนไหนก็ได้

ข้อเสียของ Home Office คืออะไร?

  • ใช้เงินลงทุนสูง โดยเฉพาะในย่านธุรกิจ ใจกลางเมือง ส่วนใหญ่จึงนิยมขยับออกไปอยู่แถบชานเมืองมากกว่า ซึ่งก็จะทำให้การเดินทางของพนักงาน รวมถึงลูกค้าไม่สะดวกเท่าไหร่ ทั้งนี้ยังมีภาพลักษณ์ไม่เป็นทางการอีกด้วย
  • นอกจากค่าเช่าแล้ว การมี Home Office ยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการตกแต่งเพิ่มเติมอีกด้วย แม้จะเช่าพื้นที่ที่ตกแต่งเสร็จแล้ว แต่ก็มักต้องลงทุนในอุปกรณ์สำนักงานและเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นเพิ่มเติมเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานและรองรับจำนวนพนักงานที่อาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงในอนาคต ค่าใช้จ่ายในการตกแต่งเริ่มต้นเฉลี่ยที่ประมาณ 5,000-7,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับ Home Office ขนาดเริ่มต้น 100 ตารางเมตร ค่าตกแต่งทั้งหมดมีไม่น้อยกว่า 500,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงและต้องมีการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ

ค่าใช้จ่ายของ Home Office มีอะไรบ้าง?

ค่าใช้จ่ายหลักๆ คือ สถานที่ ทำเลดีก็มีราคาแพง ทำเลที่ถูกลงก็มักจะอยู่บริเวณรอบนอก แต่ถ้าเป็นโฮมออฟฟิศให้เช่า นอกจากจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตกแต่งเองทั้งหมดแล้ว หากในอนาคตธุรกิจเติบโตขึ้น พื้นที่ไม่เพียงพอ เราอาจต้องเสียเงินเพิ่มในการขยับขยาย หรือไปลงทุนในสถานที่ใหม่ด้วย

สำนักงานทั่วไป (Traditional Office)

มาต่อกันที่ตัวเลือกสุดคลาสสิกอย่าง สำนักงานทั่วไป เป็นสำนักงานเต็มรูปแบบ เอาไว้ใช้ทำงานอย่างเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่โล่งๆ ให้ตกแต่งได้ตามชอบ สำหรับคนที่เริ่มต้นธุรกิจหรือทำธุรกิจขนาดเล็ก เช่น SME หรือ Startup อาจจะเลือกเป็นตู้สำนักงานสำเร็จรูปหรือเช่าออฟฟิศเล็กๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 50 ตร.ม. โดยราคาจะแตกต่างกันไปตามทำเลที่ตั้ง

จุดเด่นของสำนักงานทั่วไปคืออะไร?

  • มีความเป็นส่วนตัวสูง ออกแบบตกแต่งห้องทำงานออฟฟิศได้อย่างอิสระ 
  • ดูเป็นทางการ น่าเชื่อถือ ช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า

ข้อเสียของสำนักงานทั่วไปคืออะไร?

  • ค่าใช้จ่ายสูง ทั้งในส่วนของเงินลงทุนหากซื้อและค่าใช้จ่ายรายเดือน และยังมีเงินลงทุนในการตกแต่งที่เสียไปฟรีๆ อีกหากขยับขยายหรือย้ายที่
  • ต้องดูแลทุกอย่างเองทั้งหมด
  • สัญญาเช่ามักจะกินเวลานานถึง 3 ปี 

ค่าใช้จ่ายของสำนักงานทั่วไปมีอะไรบ้าง? 

ค่าใช้จ่ายของสำนักงานทั่วไปแทบไม่แตกต่างจาก Home Office มากนัก เพราะคุณต้องรับผิดชอบทั้งค่าเช่า ค่าตกแต่ง ค่าเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายประจำอย่างค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต และค่าซ่อมบำรุงทั้งหมดด้วยตัวเอง โดยค่าตกแต่งสำนักงานทั่วไปเริ่มต้นเฉลี่ยที่ 5,000-7,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับสำนักงานขนาดเริ่มต้น 50 ตารางเมตร ค่าตกแต่งจะอยู่ที่อย่างน้อย 250,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ต้องคำนึงถึง เช่น การจ้างแม่บ้านทำความสะอาด พนักงานรักษาความปลอดภัย และพนักงานเลขาหรือผู้ช่วยที่คอยดูแลการจัดการภายในสำนักงาน (Office Management) รวมถึงการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มขึ้นไปอีก

คาเฟ่และพื้นที่สาธารณะ (Cafes/Public Spaces)

คาเฟ่หรือร้านกาแฟ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมสำหรับการทำงานนอกบ้าน เพราะบางครั้งแค่เปลี่ยนบรรยากาศก็สามารถกระตุ้นสมองและช่วยให้คุณมีสมาธิมากขึ้นได้ แถมเดี๋ยวนี้คาเฟ่ รวมถึงพื้นที่สาธารณะต่างๆ ก็มีบริการปลั๊กไฟและ Wifi ที่รวดเร็วให้ใช้งาน จึงสามารถนั่งทำงานได้นานโดยไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมด

จุดเด่นของคาเฟ่และพื้นที่สาธารณะคืออะไร?

  • สามารถสั่งอาหาร และเครื่องดื่มได้ตลอด 
  • บรรยากาศผ่อนคลาย ไม่ทำให้รู้สึกเครียดเกินไป มีงานวิจัยหนึ่งระบุว่า เสียงรอบข้างในระดับปานกลาง เช่น เสียงจานกระทบกัน, เสียงเครื่องชงกาแฟ, เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ สามารถช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นได้

ข้อเสียของคาเฟ่และพื้นที่สาธารณะคืออะไร?

  • สภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการทำงาน เช่น แสงไฟสลัวเกินไป ปลั๊กไฟไม่พอ 
  • ถึงช่วยประหยัดค่าแอร์ที่บ้าน แต่ต้องจ่ายค่าอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มทุกครั้ง 
  • บางช่วงอาจมีคนพลุกพล่านมาก จนทำให้สมาธิหลุดได้ง่ายๆ 
  • ไม่มีที่ฝากของ เมื่อต้องการเข้าห้องน้ำ อาจต้องวางทิ้งไว้หรือหอบของทั้งหมดไปด้วย แถมหากกลับมาที่นั่งดีๆ ที่เลือกไว้ก็อาจจะถูกแย่งไปแล้ว
  • ไม่มีความเป็นหลักแหล่ง ไม่มีความน่าเชื่อถือในธุรกิจนัก

ค่าใช้จ่ายของคาเฟ่และพื้นที่สาธารณะมีอะไรบ้าง? 

ค่าใช้จ่ายหลักๆ คือ ค่าเดินทาง ถ้าโชคดีอยู่ใกล้บ้านก็จะไม่เปลืองมาก แต่ยังไงก็ต้องมีค่าอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งถ้านั่งนานๆ ก็อาจต้องสั่งเพิ่มหลายรอบ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 200 – 300 บาท บางที่อาจจะมีข้อกำหนดมากกว่านั้น เช่น ใช้ Wifi ฟรีได้ 2 ชั่วโมงต่อ 1 ใบเสร็จ

 

เปรียบเทียบพื้นที่ทำงานทั้ง 5 ตัวเลือก

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ลองไปดูตารางเปรียบเทียบพื้นที่ทำงานรูปแบบต่างๆ ในตารางด้านล่างได้เลย

พื้นที่ทำงานแต่ละแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน จึงต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ให้รอบด้านว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเองที่สุด เช่น จำนวนพนักงาน รูปแบบการทำงาน ความสะดวกในการเดินทาง ความคุ้มค่า ฯลฯ

แต่หากคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจและอยากสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร มีออฟฟิศในทำเลที่เดินทางสะดวก โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ FOUND OFFICE เรามีบริการออฟฟิศสำเร็จรูปโมเดิร์นให้เช่า ทั้งแบบรายวัน รายเดือน บริการ Serviced Office ของเรา จะทำให้คุณได้พื้นที่ทำงานส่วนตัวพร้อมบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำงาน แถมยังไม่ต้องลงทุนตกแต่งเองอีกด้วย คุณแค่พกโน้ตบุ๊กมาทำงานได้เลย ที่สำคัญคือไม่ต้องเซ็นสัญญายาวนาน คุณเลือกได้ว่าจะเช่าระยะสั้นหรือระยะยาว (1, 3, 6 หรือ 12 เดือน) แล้วแต่สะดวก ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ยังเติบโตและขยายได้อย่างต่อเนื่อง เรายังมาพร้อมบริการห้องประชุมมืออาชีพ มีโซนต้อนรับส่วนตัว สะดวกสบายเหนือระดับ มีเครื่องดื่มเสิร์ฟตลอดการประชุม พร้อมบริการพนักงานต้อนรับและเลขาผู้ช่วย ที่นี่เราพร้อมสนับสนุนคุณให้ธุรกิจของคุณไปได้ไกล ด้วยบริการที่ครบครันและยืดหยุ่นที่สุดในตลาด ติดต่อทีมงาน FOUND OFFICE ได้เลยวันนี้

บทความแนะนำ

Serviced Office คืออะไร? ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Serviced Office

เทียบ 5 พื้นที่ทำงานสำหรับการทำงานแบบ Hybrid แบบไหนที่เหมาะกับคุณ?

Virtual Office คืออะไร เหมาะกับการทํางานแบบไหน?